16 ธันวาคม 2558 เวลา 16.00 น.
พ.ต.อ.สมเดช ทศพร ผกก.สภ.แจ้ห่ม
พร้อมด้วย พ.ต.ท.พิภพ ขัติฤกษ์ รอง ผกก.ป.ฯ พ.ต.ท.นครศักดิ์ ชัยชนะวงศ์ พงส.หน.งานสอบสวนฯ พ.ต.ท.สังเวียน ไชยเมืองชื่น สวป.ฯ พ.ต.ท.ทวี หมุดดี พงส.พนก.ฯ พ.ต.ท.หญิง บัวหวาน ระวานนท์ สว.ธร.ฯ และข้าราชการตำรวจ สภ.แจ้ห่ม ร่วมงานถวายพระเพลิงพระศพ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ณ วัดศรีหลวง อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง
(เจริญ
สุวฑฺฒโน) |
|
ประสูติ |
3 ตุลาคม พ.ศ. 2456 |
สิ้นพระชนม์ |
24 ตุลาคม พ.ศ. 2556 |
พระชันษา |
7002100000000000000100 ปี
700121000000000000021
วัน |
อุปสมบท |
พ.ศ. 2476 |
พรรษา |
700180000000000000080 ปี
7002329000000000000329
วัน |
วัด |
วัดบวรนิเวศวิหาร |
ท้องที่ |
กรุงเทพมหานคร |
สังกัด |
ธรรมยุติกนิกาย |
วุฒิการศึกษา |
|
ตำแหน่ง
ทางคณะสงฆ์
|
สกลมหาสังฆปริณายก
|
ลายพระนาม |
 |
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) (3
ตุลาคม พ.ศ. 2456 – 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556) เป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่
19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร
ทรงดำรงตำแหน่งเมื่อ พ.ศ. 2532 ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ถือเป็นสมเด็จพระสังฆราชที่มีพระชันษามากกว่าสมเด็จพระสังฆราชทุกพระองค์ในอดีตและเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์แรกของไทยที่มีพระชันษา
100 ปี
สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556
เนื่องจากติดเชื้อในกระแสพระโลหิต[1]
ขณะทรงพระเยาว์
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระนามเดิมว่า เจริญ
คชวัตร ประสูติเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2456 เป็นบุตรคนโตของนายน้อย คชวัตร
และนางกิมน้อย คชวัตร ชาวกาญจนบุรี พระองค์มีน้องชาย 2 คน ได้แก่ นายจำเนียร คชวัตร
และนายสมุทร คชวัตร
บิดาของพระองค์ป่วยเป็นโรคเนื้องอกและเสียชีวิตไปตั้งแต่พระองค์ยังเล็ก หลังจากนั้น
พระองค์ได้มาอยู่ในความดูแลของป้าเฮงซึ่งเป็นพี่สาวของนางกิมน้อยที่ได้ขอพระองค์มาเลี้ยงดู[2]
เมื่อพระชันษาได้ 8 ปี ทรงเข้าเรียนที่โรงเรียนประชาบาล วัดเทวสังฆาราม
จนจบชั้นประถม 5 (เทียบเท่าชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 2 ในปัจจุบัน) เมื่อ พ.ศ.
2468 ในขณะที่มีพระชันษา 12 ปี หลังจากนั้น
ทรงไม่รู้ว่าจะเรียนอะไรต่อและไม่รู้ว่าจะเรียนที่ไหน ทรงเล่าว่า
"เมื่อเยาว์วัยมีพระอัธยาศัยค่อนข้างขลาด กลัวต่อคนแปลกหน้า
และค่อนข้างจะเป็นคนติดป้าที่อยู่
ใกล้ชิดกันมาแต่ทรงพระเยาว์โดยไม่เคยแยกจากกันเลย"
จึงทำให้พระองค์ไม่กล้าตัดสินพระทัยไปเรียนต่อที่อื่น[2]











